สื่อมวลชนในจังหวัดพัทลุง แจ้งความให้ดำเนินคดีกับแม่ค้าขายอาหารทะเล หลังกลับคำให้การ กรณีถูกตำรวจเรียกรับเงิน แลกกับการไม่ดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าเป็นการใช้หนี้ให้ตำรวจซึ่งเคยเป็นแฟนเก่า ขณะที่ยังคงมีผู้เสียหายออกมาแฉเพิ่มอีกเรื่อย ๆ และในจำนวนนี้ เตรียมจะแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
โดยเมื่อวานนี้ นายไสว รุยันต์ อายุ 50 ปี ในฐานะตัวแทนสื่อมวลชนจังหวัดพัทลุง นำหลักฐานเป็นเอกสารซึ่งเป็นข้อความที่พูดคุยผ่านอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก จำนวน 12 แผ่น พร้อมคลิปวิดีโอที่มีทั้งภาพและเสียง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงอายุ 32 ปี แม่ค้าขายอาหารทะเล ในข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียและเสียหาย
หลังจากเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แม่ค้าคนดังกล่าวได้กลับคำให้การต่อหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตำรวจภููธรจังหวัดพัทลุง ว่าตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหาไม่ได้เรียกรับเงินเธอแม้แต่บาทเดียว ส่วนเงินที่มีหลักฐานการโอนให้ดาบตำรวจนายหนึ่ง ก็เป็นเพียงแค่การใช้หนี้ที่ได้หยิบยืมกันไปเมื่อช่วงที่เคยคบกันเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเธอก็มีแฟนใหม่แล้ว แต่แฟนใหม่ต้องการจะขอเงินเธอไปผ่อนค่างวดรถ เธอไม่มีให้ และบอกไปว่าได้นำเงินให้ตำรวจไปแล้ว เพราะถูกจับในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แฟนจึงโกรธ และโทรศัพท์ไปร้องเรียนสื่อมวลชน จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต
แต่หลักฐานที่สื่อมวลชนนำไปมอบให้พนักงานสอบสวน ที่เป็นข้อความพูดคุยในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ระบุเป็นโพรไฟล์ของแม่ค้าคนดังกล่าว ที่ร้องเรียนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง กระทั่งมีการนัดหมายให้ไปสัมภาษณ์ ไม่ใช่แฟนของแม่ค้าที่เป็นคนโทรศัพท์ติดต่อมาตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งถ้อยคำที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยังขัดแย้งกับคำให้การล่าสุดอีกด้วย การกระทำลักษณะนี้เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน รวมไปถึงองค์กรสื่อมวลชนด้วย ทางตำรวจเตรียมเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะเดียวกันทางสมาคมสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ก็เตรียมจัดส่งทนายความเข้าช่วยเหลือในด้านคดีความ ให้กับสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงแล้ว
และหลังเรื่องนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจชุดนี้ ก็มีผู้เสียหายที่เคยถูกตำรวจชุดนี้เรียกเงิน กล้าที่จะออกมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ชายอายุ 32 ปี ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจยศพันตำรวจโทคนดังกล่าว พร้อมลูกน้อง เข้าตรวจค้นและจับกุมวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลนาโหนด จับวัยรุ่นได้ 4 คน พร้อมยาบ้าอีก 8 เม็ด แต่ตัวเขา (ชายอายุ 32 ปี) พักอยู่บ้านติดกับบ้านที่ตำรวจไปตรวจค้น แต่จู่ ๆ ก็ถูกตำรวจไปลากตัวออกมาจากห้องนอน แล้วพามานั่งล้อมวง ถ่ายรูปร่วมกับวัยรุ่นอีก 4 คนที่ถูกจับ
เท่านั้นไม่พอ ยังไปรื้อค้นห้องนอนของเขา และนำเงินเหรียญที่สะสมไว้กว่า 3,000 บาท พร้อมเหรียญพระไปจนหมด โดยขณะที่ตำรวจชุดนี้เข้าจับกุม เขายังได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว จากนั้นตำรวจได้พาตัวเขาและวัยรุ่นอีก 4 คน ไปที่อาคารไม้ในโรงพัก ที่น่าแปลกใจคือ ตำรวจชุดนี้ไม่ทำบันทึกจับกุม แต่กลับเจรจาเรียกเงิน 50,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว ซึ่งตอนนั้นก็ได้บอกไปว่าไม่มีเงิน แต่ตำรวจชุดนี้กลับบอกว่าให้แม่ไปหาเงินมาไถ่ตัว ซ้ำยังบอกด้วยว่า หากภายใน 6 ชั่วโมง ไม่นำเงินมาให้ จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจะนำเงินของที่ยึดมาได้ ไปซื้อสุรามาดื่มกันภายในห้อง
กระทั่งผู้ปกครองหาเงินมาได้ แต่ก็เพียงแค่ 40,000 บาทเท่านั้น ไม่พอตามยอด 50,000 บาท เพราะหาหยิบยืมที่ไหนไม่ได้แล้ว จึงรับเงินไป 40,000 บาท พร้อมยืนยันว่าคนที่รับเงินไปก็คือ ตำรวจยศพันตำรวจโท
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้เสียหายที่ถูกตำรวจชุดนี้เรียกรับเงิน จะมีการรวมตัวกันเพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีภายในสัปดาห์นี้
"อาหารทะเล" - Google News
June 10, 2020 at 08:58AM
https://ift.tt/3dOShQ7
สื่อมวลชนแจ้งความแม่ค้าขายอาหารทะเล หลังกลับคำให้การ จ.พัทลุง - ช่อง 7
"อาหารทะเล" - Google News
https://ift.tt/2yUZcrI
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สื่อมวลชนแจ้งความแม่ค้าขายอาหารทะเล หลังกลับคำให้การ จ.พัทลุง - ช่อง 7"
Post a Comment